ประกันสุขภาพเหมาจ่าย สำหรับคนยุคใหม่

หลายคนอาจคิดว่าประกันสุขภาพเป็นเบี้ยทิ้งเปล่า ถ้าสุขภาพแข็งแรงไม่ค่อยเจ็บป่วยจนถึงขนาดเข้าโรงพยาบาล ทำไปก็ไม่คุ้ม แต่ความเป็นจริงแล้วโรคภัยไข้เจ็บของเราไม่ได้มีแค่ ไข้หวัด อาหารเป็นพิษ ไข้เลือดออก หรือโควิด แต่ยังมีโรคร้ายอีกหลายโรคที่มีระยะการเกิดโรคที่ยาวนานและสะสมอยู่ในร่างกายของเรา เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดในสมอง ซึ่งบางคนกว่าจะตรวจพบว่าเป็นโรคก็อยู่ในระยะรุนแรงไปแล้ว

ประกันสุขภาพช่วยให้คุณเข้าถึงการรักษาโรคที่รวดเร็วขึ้น และไม่กระทบกับสภาพคล่องทางการเงิน การวางแผนประกันสุขภาพทีดีพอจะช่วยเป็นหลักประกันให้กับชีวิตของคุณ ว่าการเจ็บป่วยในอนาคต ไม่ว่าจะเล็กน้อยหรือรุนแรง คุณจะ “ไม่ต้องรอหมอ ไม่ต้องขอยืมเงินใคร เข้าโรงพยาบาลไหนก็ได้ ค่าใช้จ่ายไม่ต้องกังวล”

แบบประกันสุขภาพเหมาจ่าย เลือกความคุ้มครองได้ 1 ล้าน ถึง 100 ล้าน คุ้มครองยาวถึงอายุ 99 ปี

*อัตราเบี้ยประกันสุขภาพดังกล่าวข้างต้น ยังไม่รวมเบี้ยประกันภัยสัญญาหลักค่ะ

*อัตราเบี้ยประกันสุขภาพดังกล่าวข้างต้น ยังไม่รวมเบี้ยประกันภัยสัญญาหลักค่ะ

ข้อยกเว้นทั่วไปที่ประกันสุขภาพไม่คุ้มครอง ระบุในกรมธรรม์ 26 ข้อดังนี้ค่ะ

1. โรคเรื้อรัง การเจ็บป่วย หรือการบาดเจ็บที่ไม่ได้รักษาให้หายก่อนวันทำสัญญาประกันภัย การตรวจรักษาภาวะที่เป็นมาแต่กำเนิด หรือปัญหาด้านพัฒนาการ หรือโรคทางพันธุกรรม

2. การตรวจรักษาหรือผ่าตัดเพื่อเสริมสวย หรือแก้ไขปัญหาผิวพรรณ หรือควบคุมน้ำหนัก เว้นแต่เป็นการตกแต่งแผลอันเนื่องมาจากอุบัติเหตุ

3. การตั้งครรภ์ แท้งบุตร ทำแท้ง คลอดบุตร โรคแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์ การแก้ไขปัญหามีบุตรยาก การทำหมัน การคุมกำเนิด

4. โรคเอดส์ หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

5. การตรวจรักษาหรือป้องกัน การใช้ยา หรือสารต่างๆ เพื่อชะลอวัย การให้ฮอร์โมนทดแทนในวัยใกล้หมดระดู การเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ การรักษาความผิดปกติทางเพศ การแปลงเพศ

6. การตรวจสุขภาพทั่วไป การร้องขอเข้าอยู่รักษาตัวในโรงพยาบาล การพักฟื้นซึ่งไม่ใช่ความจำเป็นทางการแพทย์และค่าเฝ้าไข้พิเศษ

7. การตรวจรักษาความผิดปกติเกี่ยวกับสายตา ทำเลสิค

8. การตรวจรักษาทันตกรรม ยกเว้นกรณีบาดเจ็บเนื่องจากอุบัติเหตุ ทั้งนี้ไม่รวมค่าทำฟันปลอม

9. การรักษาหรือการบำบัดการติดยาเสพติดให้โทษ รวมถึงสุรา บุหรี่

10. การตรวจรักษาโรคเกี่ยวกับภาวะทางจิตใจ จิตเวช

11. การตรวจรักษาที่ยังอยู่ในระหว่างการทดลอง อาการหยุดหายใจขณะหลับ การนอนกรน ความผิดปกติของการนอนหลับ

12. การปลูกฝี ฉีดวัคซีนป้องกันโรค ยกเว้นการฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าหลังการถูกสัตว์ทำร้าย วัคซีนป้องกันบาดทะยักหลังได้รับบาดเจ็บ

13. การตรวจรักษาที่ไม่ใช่แพทย์แผนปัจจุบัน รวมถึงแพทย์ทางเลือก

14. ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการตรวจรักษาพยาบาลที่ผู้เอาประกันซึ่งเป็นแพทย์สั่งให้แก่ตัวเอง รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการตรวจรักษา ผู้ซึ่งเป็นบิดา มารดา บุตร คู่สมรสของผู้เอาประกันภัยเอง

15. การฆ่าตัวตาย การพยายามฆ่าตัวตาย การทำร้ายร่างกายตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการกระทำโดยตนเอง หรือยินยอมให้ผู้อื่นกระทำ

16. การบาดเจ็บที่เกิดจากผู้เอาประกันตกอยู่ภายใต้ฤทธิ์สุรา สารเสพติด ซึ่งมีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดตั้งแต่ 150 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ขึ้นไป

17. การบาดเจ็บที่เกิดขึ้นขณะผู้เอาประกันภัยเข้าร่วมทะเลาะวิวาท หรือมีส่วนยั่วยุให้เกิดการทะเลาะวิวาท

18. การบาดเจ็บที่เกิดขึ้นจากผู้เอาประกันก่ออาชญากรรมที่มีความผิดสถานหนัก

19. การบาดเจ็บที่เกิดขึ้นขณะที่ผู้เอาประกันแข่งรถ แข่งเรือ แข่งสกี/เจ็ตสกี/เสก็ต ชกมวย โดดร่ม เว้นแต่โดดร่มเพื่อรักษาชีวิต ขณะกำลังขึ้นโดยสารบอลลูน เครื่องร่อน เล่นบันจี้จั๊พ์ ดำน้ำที่ต้องใช้ถังอากาศเครื่องช่วยหายใจใต้น้ำ

20. การบาดเจ็บที่เกิดขึ้นขณะผู้เอาประกันภัยกำลังขึ้น ลง ขณะโดยสารอยู่ในอากาศยานที่ไม่ได้จดทะเบียนเพื่อบรรทุกผู้โดยสาร และไม่ใช่สายการบินพาณิชย์

21. การบาดเจ็บที่เกิดขึ้นขณะผู้เอาประกันภัยขับขี่หรือปฏิบัติหน้าที่เป็นพนักงานประจำอากาศยาน

22. การบาดเจ็บที่เกิดขึ้นในขณะที่ผู้เอาประกันภัยปฏิบัติหน้าที่เป็นทหาร ตำรวจอาสาสมัคร และเข้าปฏิบัติการในสงคราม

23. สงคราม การรุกราน การกระทำที่มุ่งร้ายขอศัตรูต่างชาติ สงครามกลางเมือง การกบฎ การจลาจล การนัดหยุดงาน การก่อความวุ่นวาย ปฏิวัติ รัฐประหาร การประกาศกฏอัยการศึก

24. การก่อการร้าย

25. การแผ่รังสี/ การแพร่กัมมันตภาพรังสีจากเชื้อเพลิงนิวเคลียร์

26. การระเบิดของกัมมันตภาพรังสี

DHealth และ Elite ต่างกันตรงจุดไหน เทียบกันหมัดต่อหมัด

(คลิกที่ภาพเพื่อดูภาพใหญ่)

สรุปข้อดี-ข้อเสีย Dhealth

ข้อดี
-เน้นความคุ้มครองผู้ป่วยในโดยเฉพาะ
-ค่าห้องจ่ายตามจริงไม่จำกัด (ตามราคาห้องพักเดี่ยวมารตรฐานของ รพ.ที่เข้ารักษา)
-ค่ารักษาเหมาจ่ายไม่จำกัดวงเงินต่อปี
-เบี้ยถูกกว่า

ข้อเสีย 
-ถูกตัดความคุ้มครองผู้ป่วยนอกออกไปทั้งหมด เช่น
-ค่ารักษากรณีอุบัติเหตุฉุกเฉินแบบผู้ป่วยนอก
-ล้างไต เคมีบำบัด รังสีบำบัด Tageted Therapy ที่รักษาแบบผู้ป่วยนอกไม่คุ้มครอง
-ความคุ้มครองจะครอบคลุมเฉพาะการรักษาแบบนอนโรงพยาบาลเท่านั้น

สรุปข้อดี-ข้อเสีย Elite

ข้อดี
-ได้ความคุ้มครองจัดเต็ม ทั้งผู้ป่วยใน ผู้ป่วยนอก และอุบัติเหตุฉุกเฉิน
-ค่ารักษาโรคมะเร็งแบบไม่ต้องนอนโรงพยาบาล ทั้งเคมีบำบัด รังสีบำบัด และTargeted Therapy
-ค่าล้างไตแบบผู้ป่วยนอก ไม่นอนโรงพยาบาลก็จ่าย
-ค่าตรวจ MRI จ่ายตามจริง
-เจ็บป่วยเล็กน้อย หาหมอแบบ OPD เบิกได้ไม่ต้องสำรองจ่าย
-ได้ค่ารักษาทางจิตเวช (แผน 3 ขึ้นไป)
-ได้ค่ากายภาพ ฝังเข็ม จัดกระดูก (แผน 3 ขึ้นไป)
-ได้ค่าคลอดบุตร และค่ารักษาในกรณีแท้งบุตร ภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์และหลังคลอด (แผน 3 ขึ้นไป)
-ได้ค่าตรวจสุขภาพประจำปี ฉีดวัคซีน ทันตกรรม สายตา (แผน 3 ขึ้นไป)

ข้อเสีย 
-เนื่องจากความคุ้มครองจัดเต็ม ทำให้เบี้ยสูง
-มีการปรับเบี้ยประกันเพิ่มทุกปี
ซื้อประกันสุขภาพ คลิก

ขั้นตอนการซื้อประกันผ่านตัวแทน และการชำระเงินผ่านช่องทางออนไลน์

สำหรับคุณลูกค้าที่มีความกังวลเรื่องสถานการณ์โควิด และไม่สะดวกให้ตัวแทนเข้าพบ หรือลูกค้าที่อยู่ต่างจังหวัด สามารถทำประกันผ่านวิธี Digital face to face ได้ มีขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้ค่ะ

การติดต่อซื้อประกันกับตัวแทน

  1. ติดต่อซื้อประกันผ่านไลน์ @fin-around
  2. ตัวแทนออกใบเสนอขาย แจ้งความคุ้มครองและเงื่อนไขการรับประกันผ่านไลน์
  3. เมื่อตกลงทำประกัน ตัวแทนขอข้อมูลส่วนตัวสำหรับทำประกัน
  4. ตัวแทนออกใบเอกสารการทำประกัน และจัดส่งสำเนาทางอีเมล
  5. คุณลูกค้าตรวจสอบความถูกต้อง เมื่อข้อมูลถูกต้องแล้วส่งเอกสารยืนยันตัวตนต่อไป

การยืนยันตัวตนผ่านช่องทางออนไลน์

  1. เมื่อตกลงทำประกันแล้ว คุณลูกค้าส่งบัตรประชาชนผ่านไลน์ ลงลายมือชื่อ และเขียนกำกับ “ใช้เพื่อขอเอาประกันกับบริษัทเมืองไทยประกันชีวิตเท่านั้น”
  2. ส่งรูปถ่ายหน้าตรง (รูปเซลฟี่ได้) ที่ชัดเจน ไม่ใส่หมวกหรือแว่นตาดำ ให้ตัวแทนเพื่อส่งเข้าระบบ
  3. ยืนยันตัวตนขั้นสุดท้ายผ่านช่องทาง Line Customer ของบริษัทเมืองไทยฯ

การชำระเบี้ยประกันงวดแรก เลือกชำระผ่านช่องทางต่อไปนี้

  1. ชำระโดยการแสกน Qr Code / Barcode ผ่านแอพได้ทุกธนาคาร เข้าบัญชี บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต
  2. ชำระด้วยบัตรเครดิตได้ทุกธนาคาร เข้าบัญชี บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต
ซื้อประกันสุขภาพ คลิก

คำถามที่พบบ่อย

โดยภาพรวมแล้ว เราสามารถแบ่งประชีวิตและสุขภาพออกเป็น 2 แบบด้วยกัน คือ

1.ประกันชีวิตและสุขภาพแบบทั่วไป
มีข้อสังเกตง่ายๆ อยู่ที่การแยกค่าใช้จ่ายต่างๆ ตามตารางความคุ้มครองที่กำหนด ถ้ามีค่าห้อง ค่าแพทย์ ค่าผ่าตัด หรือค่ารักษาพยาบาลอื่นๆ เกินจากความคุ้มครอง เราต้องจ่ายส่วนต่างนั้นด้วยตัวเอง

2.ประกันชีวิตและสุขภาพแบบเหมาจ่าย ซึ่งค่ารักษาพยาบาลต่างๆ จะถูกคิดรวมมาให้ อยู่ในวงเงินตามแผนประกันที่เราเลือกทำ ไม่แยกเป็นครั้ง ในหนึ่งปีจะรักษากี่ครั้งก็ได้ แต่ต้องไม่เกินวงเงิน และเงื่อนไขที่ทางบริษัทฯ กำหนด

ทั้งนี้ การจะเลือกประกันชีวิตและสุขภาพให้ตอบโจทย์ความต้องการนั้น ผู้ซื้อยังสามารถพิจารณาองค์ประกอบอื่นๆ ทั้งผลประโยชน์ที่จะได้รับ โรคที่รับประกัน หรือการดูแลที่เฉพาะเจาะจงโรคควบคู่ไปด้วย ก็จะทำให้ได้รับความคุ้มครองที่ตรงใจเช่นกัน

ทุกคนที่ต้องการความคุ้มครองด้านสุขภาพ สามารถซื้อประกันชีวิตและสุขภาพได้

สอบถามข้อมูลและรายละเอีดเพิ่มเติมได้จากทีมงาน Fin-around ซึ่งเป็นตัวแทนบริษัทเมืองไทยประกันชีวิต และมีกรมธรรม์ในความดูแลกว่า 1,000 กรมธรรม์

ขอแนะนำเป็น สัญญาเพิ่มเติมการประกันภัยสุขภาพแบบ สมาร์ทเฮลท์ ที่สมัครได้ตั้งแต่อายุ 30 วัน-70ปี คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลแบบเหมาจ่ายสูงสุดถึง 5,000,000 บาท/ปี ไม่ว่าจะนอนหรือไม่นอนโรงพยาบาล

ขอแนะนำเป็นประกันสุขภาพ อิลิท เฮลท์ สมัครได้ถึงอายุ 80 ปี คุ้มครองต่อเนื่องถึงอายุ 99 ปี

ตอบโจทย์ทุกความต้องการอย่างครอบคลุม สูงสุด 20 – 100 ล้านบาทต่อปี

คุ้มครองทั้งผู้ป่วยใน, ผู้ป่วยนอก(ความคุ้มครอง แผน 2,3 หรือ 4) และผู้ป่วยฉุกเฉิน ครอบคลุม ทุกที่ ทุกเวลา แม้ไปรักษาต่างประเทศ

ขอแนะนำแบบเหมาจ่ายค่ารักษาพยาบาล Elite Health เพื่อรับบริการอย่างเต็มรูปแบบทั้งผู้ป่วยนอก -ผู้ป่วยในจากโรงพยาบาลคู่สัญญา ได้โดยไม่ต้องสำรองจ่าย

โดยปกติประกันสุขภาพจะครอบคลุมการรักษาเกือบทุกโรคอยู่ ยกเว้นโรคที่เป็นมาก่อนการทำประกัน หรือโรคร้ายแรงซึ่งต้องทำเพิ่มเติม

ขอแนะนำเป็นประกันสุขภาพ อิลิท เฮลท์ สมัครได้ถึงอายุ 80 ปี และคุ้มครองต่อเนื่องถึงอายุ 99 ปี

ตอบโจทย์ทุกความต้องการอย่างครอบคลุม สูงสุด 20 – 100 ล้านบาทต่อปี

คุ้มครองทั้งผู้ป่วยใน, ผู้ป่วยนอก(ความคุ้มครอง แผน 2,3 หรือ 4) และผู้ป่วยฉุกเฉิน ครอบคลุม ทุกที่ ทุกเวลา แม้ไปรักษาต่างประเทศ

2 แบบนี้มีจุดเด่นที่ไม่เหมือนกัน

– หากเลือกแบบเหมาจ่าย ก็จะเข้าใจง่าย และครอบคลุมค่ารักษาแบบเหมารวมทุกรายการ เพียงแค่จำว่าวงเงินคุ้มครองทั้งหมดคือเท่าไหร่ และใช้ไม่เกินวงเงินคุ้มครอง ซึ่งค่าเบี้ยประกันแบบนี้จะแพงกว่าแบกแยกค่าใช้จ่าย

-หากเลือกแบบแยกค่าใช้จ่าย หากคุณมีงบไม่มากนักและมีสวัสดิการหรือประกันสุขภาพบางตัวอยู่แล้ว อาจเลือกแบบแยกค่าใช้จ่ายแทนเพราะค่าเบี้ยจะถูกกว่า แต่ความคุ้มครองจะแยกวงเงินค่าใช้จ่ายตามรายการการรักษา เช่น ค่าแพทย์ตรวจรักษาประจำวัน ค่าแพทย์ผ่าตัด ค่าแพทย์วิสัญญี ค่าห้องผ่าตัด เป็นต้น ซึ่งอาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม กรณีที่ไม่ตรงกับที่ประกันระบุ

สำหรับว่าที่คุณแม่ ขอแนะนำแบบประกันอีลิทเฮลท์ค่ะ โดยสามารถเลือกแผน 3 หรือ 4 ได้ มีผลประโยชน์การคลอดบุตร ทั้งกรณีคลอดธรรมชาติและผ่าคลอดสูงสุด 200,000 บาท/ครั้ง
สำหรับผู้ที่มีประวัติการรักษาจนหายแล้ว สามารถลองยื่นเรื่องสมัครประกัน โดยแถลงประวัติการรักษาให้ชัดเจน ซึ่งทางบริษัทฯ อาจขอประวัติการรักษาเพิ่มเติมเพื่อประกอบการพิจารณาภายหลังค่ะ

สำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองที่ครอบคลุมจากสวัสดิการที่มีอยู่แล้ว เรามีประกันสุขภาพที่ช่วย Top up สวัสดิการเดิม

เมื่อต้องนอนโรงพยาบาล จะค่าห้อง หรือค่ารักษาพยาบาล ก็เพิ่มได้ ที่สำคัญเบี้ยไม่แพง อุ่นใจเมื่อต้องนอนโรงพยาบาลก็เลือกห้องพักที่พอใจได้สบายๆ

โดยปกติหากมีการชำระเบี้ยอย่างต่อเนื่องทุกปี ก็จะยังได้รับความคุ้มครองสุขภาพตามเดิม ในส่วนของเบี้ยจะมีการปรับขึ้นเป็นปกติตามช่วงอายุ

สนใจประกันสุขภาพ  Fin-around มีคำแนะนำเบื้องต้นจากนักวางแผนการเงินให้ฟรี

พูดคุยกับนักวางแผนถึงความต้องการของตัวเอง และความจำเป็นในการใช้ผลิตภัณฑ์การเงินต่างๆ เพื่อช่วยให้คุณได้บรรลุเป้าหมายการเงินที่ต้องการ

จิรพัชร์ เจริญวงษ์พิบูล
ผู้จัดการขาย บมจ.เมืองไทยประกันชีวิต
นักวางแผนการเงิน AFPT

ปรึกษานักวางแผนการเงินฟรี